รอซื้อ สบายกว่าลงมือทำ??

0
2748

เป็นการนัดหมายโดยอัตโนมัติ เมื่อตลาดสดเคลื่อนที่ หรือที่เรียกว่า รถพุ่มพวงมาถึง ก็มีลูกค้านั่งรออยู่แล้ว  เป็นรูปแบบการค้าขายที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และก็เป็นรูปแบบของการพึ่งพาการซื้อที่นับวันยิ่งมากขึ้น

            

           บทบาทของรถพุ่มพวง สามารถเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทุกซอกซอย ในเมือง นอกเมือง และพื้นที่ห่างไกล มาถึงที่ มาตรงเวลา ทั้งราคา และสินค้านานาชนิดถูกใจชาวบ้าน ราคาพอซื้อหาได้ สินค้าก็จัดเป็นถุงเป็นซองเป็นห่อ เลือกได้ตามอัธยาศัย มีสารพัดในรถเท่าที่จะสามารถบรรจุได้ ทั้งผัก เนื้อ ของแห้ง ของหวาน กับข้าว ของสุก ของทอด            

                ดูเหมือนว่าการค้าขายเช่นนี้ เป็นการพึ่งพากันและกัน แต่เรามองในประเด็นการคุ้มครองผู้บริโภค สุขภาพ ภูมิปัญญาและการพึ่งพาตนเองของชุมชนแล้วละก็  เราก็จะเห็นปัญหามากมาย

ภาพของการนั่งรอรถ พร้อมกำเงินในมือ ซื้ออะไรต่อมิอะไรบ้าง เช่น ผักสด บางคนซื้อตะไคร้ ซื้อต้นหอม ซื้อข่า อาหารสุก เช่น แกงในถุง เป็นชุดๆ ปลาทอดหมูทอด  เป็นต้น แม้เป็นความจริงว่าผักที่เราไม่ได้ปลูกเอง อาจมีอยู่บ้าง แต่ไม่ควรซื้อทั้งหมด อาหารสุกอาจมีอยู่บ้าง แต่ไม่ควรซื้อทุกอย่าง หรือซื้อมากินบ่อยๆ

               

               แม้ว่าจะมีการสนับสนุนให้ปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อการพึ่งตนเอง  และเป็นการส่งเสริมสุขภาพ แต่ชาวบ้านก็ยังไม่มีแรงจูงใจพอ หากเทียบกับการปลูกเอง ที่ต้องใช้เวลาดูแลบ้าง เทียบค่าใช้จ่ายแล้วก็ดูเหมือนไม่ได้มากเท่าไหร่ เอาไปเอามาก็มาลงที่เหตุผลในการซื้อ รอซื้อเขาดีกว่า สบายดี  ส่วนกับข้าวก็เช่นกัน กินนิดกินหน่อย ซื้อเขาง่ายดี มีสารพัด ทำเองเสียเวลา ยุ่งยาก ของหวานของคาวของทอดมีขายทุกอย่าง สะดวกสบายง่ายดี รอซื้อเขาดีกว่า

       ดูผิวเผินก็อาจเห็นว่าความจำเป็น ความต้องการและเหตุผล ของการซื้อ ย่อมแตกต่างกัน ตามความพอใจของแต่ละคน แต่หากพิจารณาดูให้ถ้วนถี่ เรากำลังสูญเสีย เรากำลังละเลยภูมิปัญญาด้านสุขภาพที่สำคัญของเราไป และเรากำลังติดความเคยชินใหม่ ค่านิยมใหม่ เป็นซื้อ และซื้อ

               

               พื้นที่ในสวนหลังบ้าน ข้างรั้ว หน้าบ้าน ในเมืองไทยเรานี้ยังพอมีที่ปลูก ดินก็ดี ปลูกอะไรก็ขึ้น ปลูกอะไรก็ได้ เพียงแต่รอเราเติมใจ เติมความตั้งใจ  และลงมือปลูก เอาใจใส่ดูแล แม้เทียบราคาบาทต่อบาทอาจดูค่าน้อย แต่ถ้าเราต้องการตะไคร้สักต้น ต้นตะไคร้ก็รอเราอยู่ เราต้องการผักกาดสักกำมือ ผักกาดก็รอเราอยู่ และไม่มีสารเคมี ไม่มียาฆ่าแมลง  การปลูกการดูแล เห็นทุกระยะการเติบโตของพืชผักในบ้าน สัมผัสใบกิ่งผล ทำให้เรามีพลัง และผักเหล่านี้ช่วยให้สุขภาพของเราได้รับการดูแลด้วยตัวของเราเอง เพื่อพ่อแม่ลูกหลานของเรา

การทำอาหารกินเอง เราไม่ต้องเสี่ยงกับสารกันบูด ไม่ต้องเสี่ยงกับของทอด และไม่ต้องเสียโอกาสกับอาหารที่ไม่มีคุณค่าโภชนาการ อาจสะดวกซื้อ อาจสบายไม่ต้องทำ แต่ยามใดที่เราเห็นคนในบ้านเราต้องกินอย่างนี้ บ่อยครั้ง ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ บางคนถึงกับยอมรับว่า ภาวะเบาหวาน ความดันของชาวบ้าน อาจมาจากการซื้อเขากินเสียเป็นส่วนมากนี้แหละ

                การทำอาหารจากผักของเราเอง เป็นภูมิปัญญาของเราของเราอยู่แล้ว แต่เมื่อเรามองเป็นเรื่องยุ่งยาก เราก็สูญเสีย เราก็ทอดทิ้งเรื่องดีดีของเราไป  ลูกหลานก็ไม่ได้สืบทอด

                 แม้ว่ากระแสของการซื้อจะขยายตัวไปทุกชุมชน แต่ก็น่าชื่นใจว่า ยังมีชาวบ้านอยู่จำนวนไม่น้อย ที่ยังยืนหยัดการปลูกผักกินเอง ทำอาหารเอง แม้ว่าจะมีการซื้อก็ซื้ออย่างอื่นที่จำเป็นที่ไม่สามารถปลูกเองได้ ส่วนอาหารสุกที่นำมาขาย ก็จะไม่ซื้อ ขอทำเองดีกว่า เก็บผักทีไรก็ภูมิใจตนเอง ทำอาหารกินกันในบ้านก็เชื่อมั่นว่าสะอาด ปลอดภัย 

                เป็นความสุขใจทุกครั้ง เมื่อเราพบเห็นสวนครัวในบ้าน แปลงเล็กแปลงน้อย พอเข้าไปดูโอ้โฮ! มีผักนานาชนิดปะปนกันอยู่ มีร่องรอยของการเก็บ มีช่อมีใบใหม่ทดแทน บ้างต้นมีดอกมีเมล็ดที่จะเก็บไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ บ้างมีพื้นที่จำกัดก็ปลูกผักในกระถาง มีรั้วก็ปลูกถั่วปลูกตำลึง 

         ค่านิยม ภูมิปัญญาเหล่านี้คือคุณค่าสำคัญของเรา ควรที่เราจะช่วยกันขยายผลมากๆ อย่าตีค่าเพียงราคาบาทสองบาท แล้วรอซื้อเขา เรามาปลูกเอง ทำอาหารด้วยตนเอง เรากำหนดสุขภาพ กำหนดความสุขแท้ของเราเอง

 

© สุภฎารัตน์ สุธีพรวิโรจน์