Home ผู้บริโภค สิทธิผู้บริโภค โฆษณา “น้ำไม่ท่วม”ของบ้านจัดสรร

โฆษณา “น้ำไม่ท่วม”ของบ้านจัดสรร

0

เทรนด์โฆษณา “น้ำไม่ท่วม”ของบ้านจัดสรร สร้างความสนใจให้กับผู้กำลังจะซื้อบ้าน ซึ่งในความเป็นจริงการโฆษณาเช่นนี้ ต้องมีหลักฐานที่เชื่อถือได้

                 

                การตัดสินใจ ว่าจะเชื่อโฆษณา อย่างน้อยจะประกอบด้วย การตัดสินใจเกี่ยวกับระบบจัดการ 5 ด้าน คือ (1)โครงการบ้านจัดสรร(2)ทำเล ถนน ชุมชน สิ่งแวดล้อม(3)นโยบายการป้องกันน้ำท่วมของท้องถิ่น จังหวัด และรัฐ (4)ความต้องการของผู้บริโภคและ(5) กฎหมายและสิทธิ

การจัดการของบ้านจัดสรร มีอะไรบ้าง ประการแรกคือ บ้านจัดสรร ต้องมีระบบการดำเนินตามมาตรฐานของการบ้านจัดสรร ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นนิติบุคคล และมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค การทำสัญญา การซื้อขาย  ในส่วนของบ้านจัดสรรอะไรที่จะบอกได้ว่า มีมาตรฐาน และมีมาตรการป้องกันน้ำท่วม เช่น พื้นที่เดิมเป็นทุ่งนา หรือที่ลุ่ม มีระบบการปรับพื้นที่อย่างไร มีถนนมาตรฐานหรือไม่  ระบบน้ำเป็นอย่างไร รวมทั้ง การระบายน้ำ สาธารณูปโภคต่างๆ ส่วนแบบบ้านก็มีความสำคัญ ว่าเป็นแบบใด  มีระบบการติดตั้งระบบไฟฟ้าแบบไหน   ซึ่งโครงการบ้านจัดสรรที่โฆษณา ต้องสามารถอธิบายและให้เอกสารที่แสดงถึงระบบการป้องกันตามที่มีการโฆษณา รวมถึง การจัดการของหมู่บ้าน ว่ามีการดำเนินการโดยใคร เมื่อมีการซื้อขายและเข้าไปอยู่แล้ว

ส่วนทำเล ถนน ชุมชน สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีผลต่อกันและกันภายในเขตพื้นที่นั้นๆและพื้นที่ใกล้เคียง หากว่าบ้านจัดสรรมีมาตรการป้องกันน้ำท่วมที่เพียงพอภายในโครงการแต่หากไม่ดูสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่อาจเชื่อถือได้ ดังนั้นโครงการบ้านจัดสรรต้องสามารถอธิบายสภาพใกล้พื้นที่ ว่าถนน เป็นอย่างไร มีแหล่งพักน้ำตรงไหน มีสภาพบ้านเรือนของชุมชนในพื้นที่อย่างไร  ผู้จะซื้อก็ต้องศึกษาให้ถ้วนถี่ถึงสภาพแวดล้อม เนื่องจากบทเรียนจากน้ำท่วมบอกให้รู้ว่า ระบบทุกส่วนสัมพันธ์กัน ไม่สามารถแยกจัดการได้  บ้านจัดสรรจึงควรมีส่วนร่วมกับชุมชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม

ดูด้านนโยบายท้องถิ่น และนโยบายระดับจังหวัด ระดับชาติ ว่า มีการนโยบายเกี่ยวกับการป้องกันน้ำท่วม หรือมีระบบบริหารจัดการเรื่องน้ำอย่างไร มีการจัดการเรื่องสภาพแวดล้อม หรือสิ่งแวดล้อมอย่างไร มีระบบเตือนภัย ระบบข้อมูลข่าวสารในชุมชนอย่างไร การบริหารท้องถิ่นมีแนวทางอย่างไร โครงการบ้านจัดสรรหรือผู้บริโภค หรือชุมชน ควรมีส่วนร่วมในการผลักดันหรือร่วมพัฒนาอย่างไร

ที่สำคัญคือการตัดสินใจของผู้บริโภค หรือผู้ที่ต้องการจะซื้อบ้าน ที่ต้องสร้างความชัดเจนในตนเองและครอบครัวว่า ต้องการบ้านแบบไหน หากมีโฆษณาว่าน้ำไม่ท่วม จะเชื่อได้หรือไม่ จะต้องรอบคอบและมีความรู้ มีข้อมูลในเรื่องใด นอกเหนือจากข้อมูลของโครงการที่โฆษณา ซึ่งต้องหาข้อมูลประกอบให้รอบด้าน จากนั้นก็มาดูทุกอย่างที่เป็นมาตรฐานของบ้านจัดสรร การทำสัญญา การโอน  ผู้บริโภค ต้องรอบคอบ รู้เท่าทันบ้านจัดสรร และวางแผนให้ดี

ประการสุดท้ายคือด้านกฎหมายและสิทธิ  บ้านจัดสรร มีกฎหมายเกี่ยวข้องหลายฉบับ โดยเฉพาะด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ควบคุมดูแลมาตรฐานรวมทั้ง การทำสัญญาซื้อขาย และการโฆษณา รวมถึงการรับร้องเรียน นอกจากนี้ยัง กฎหมายเกี่ยวกับการเงินการธนาคาร กฎหมายที่ดิน  กฎหมายสิ่งแวดล้อม  ซึ่งผู้บริโภคและเจ้าของโครงการต้องรับรู้กฎหมาย รวมทั้งสิทธิของผู้บริโภค ที่ต้องได้รับข้อมูลจากโครงการอย่างครบถ้วนถูกต้อง มีการทำสัญญาอย่างเป็นธรรม และสามารถร้องเรียนเมื่อมีปัญหา

การช่วยกันพัฒนาระบบป้องกันน้ำท่วม เป็นเรื่องที่ดี บ้านจัดสรรควรมีส่วนร่วมด้วย เพราะที่ผ่านมาบ้านจัดสรรมักแยกตัวจากชุมชน ไม่สนใจชุมชน ไม่สนใจท้องถิ่น ถึงเวลาที่ต้องช่วยกัน

 

              ผู้บริโภค ควรต้องรอบคอบ ศึกษาให้ดีก่อนซื้อบ้าน ศึกษากฎหมายและสิทธิ  สืบค้นความเป็นมาของหมู่บ้านจัดสรร ใครเป็นผู้ดำเนินการ หรือมีประวัติของการร้องเรียนจากผู้บริโภคหรือไม่  และต้องติดตามใกล้ชิดหากตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรร เพราะไม่ใช่เพียงเรื่องน้ำท่วม แต่ที่ผ่านมามีการร้องเรียนปัญหาบ้านจัดสรรมากมาย แสดงให้เห็นว่า มีปัญหาหลายด้าน ผู้บริโภคควรรรอบคอบให้มาก

หากถามว่า การโฆษณาว่าน้ำไม่ท่วม ถือเป็นสัญญาหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ถือเป็นสัญญา เพราะป้ายโฆษณา โบชัวร์หรือสื่อทุกประเภทที่โฆษณาบ้านจัดสรรถือเป็นการสัญญากับผู้ซื้อ

สุภฎารัตน์ สุธีพรวิโรจน์

bangpun@yahoo.com